ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 2561
คริสตัล พาเลซ 1-2 ลิเวอร์พูล
Crystal Palace 1-2 Liverpool
สนาม : เซลเฮิร์สท์ พาร์ค
คริสตัล พาเลซ มีข่าวดี โดยได้ วิลฟรีด ซาฮา ตัวรุกคนสำคัญ หายเจ็บเข่า ฟิตกลับมาลงเป็นตัวจริงได้ ส่วน ลิเวอร์พูล ต้องขาด โจ โกเมซ กองหลังดาวรุ่ง กับ เอ็มเร่ ชาน มิดฟิลด์ตัวเก่งก็มีปัญหาบาดเจ็บไปทั้งคู่ และได้ นาธาเนียล ไคลน์ แบ็คขวา ฟิตกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรอง
เริ่มเกม ลิเวอร์พูล เดินเกมรุกเข้าใส่ แต่เป็น คริสตัล พาเลซ ที่ได้ลุ้นก่อน ในนาทีที่ 8 โยอัน กาบาย วางบอลให้ ซาฮา เกี่ยวบอลลงในเขตโทษ แล้วยิงด้วยขวา แต่บอลไปติดอก ลอริส คาริอุส ที่ออกมาปิดมุมได้ไว
ลิเวอร์พูล ได้เตะมุม ในนาที 11 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดเข้าเขตโทษให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค โขกไปที่ปากประตู ซาดิโอ มาเน่ พยายามจะโหม่งเช็ดเปลี่ยนทาง แต่บอลหลุดกรอบไป
คริสตัล พาเลซ มาได้จุดโทษ ในนาที13 จากการที่ คาริอุส ไปขวาง ซาฮา ในจังหวะหลุดเดี่ยว โดยคาริอุส โดนใบเหลืองด้วย และเป็น ลูก้า มิลิโวเยวิช ที่สังหารเข้าไปไม่พลาด คริสตัล พาเลซ ขึ้นนำ 1-0 จนจบครึ่งแรก
เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล พยายามเข้าทำ และตีเสมอ 1-1 ได้ในนาที 49 มิลเนอร์ พาบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วผ่านมาที่ปากประตูให้ มาเน่ ตวัดยิงที่เสาแรกเข้าประตูไป
คริสตัล พาเลซ ได้ลุ้นบ้าง ในนาที 58 ทาวน์เซนด์ โหม่งชงให้ คริสติย็อง เบนเตเก้ ได้หลุดไปยิงโล่งๆ ในเขตโทษ แต่บอลหลุดกรอบไป
ลิเวอร์พูล พยายามเน้นทำเกมรุก ในช่วง20นาทีท้าย นาที 84 อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ตัวสำรองโยนเข้าเขตโทษไปที่เสาไกลให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตบคืนมาให้ ซาลาห์ ดึงบอล แล้วซัดด้วยขวา ที่กลางประตูเข้าไปอย่างเหนือชั้นเป็นลูกที่ 29 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ นำเป็นดาวซัลโว จากนั้น ทำอะไรกันไม่ได้อีก หมดเวลา ลิเวอร์พูล จึงบุกมาชนะไป 2-1 เก็บสามแต้มได้ตามเป้า
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
คริสตัล พาเลซ : เวย์น เฮนเนสซี่ย์, อารอน วาน-บิสซาก้า (ทิโมธี โฟซู-เมนซ่าห์ น.88), มาร์ติน เคลลี่, มามาดู ซาโก้, พาทริก ฟาน อานโฮลท์ – เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, ลูก้า มิลิโวเยวิช, โยอัน กาบาย (รูเบน ลอฟตัส-ชีค น.73) แอนดรอส ทาวน์เซนด์, คริสติย็อง เบนเตเก้, วิลฟรีด ซาฮา
สำรองที่ไม่ได้ลงเล่น : ดิเอโก้ คาวาเลียรี่,อี ชุง-ยอง,ปาเป้ ซูอาเร่,ดาเมี่ยน เดลานี่ย์,ไจโร่ รีเดวัลด์
ลิเวอร์พูล : ลอริส คาริอุส – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจเอล มาติ๊ป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ,เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโย่ ไวนัลจ์ดุม (อดัม ลัลลาน่า น.65, เดยัน ลอฟเรน น.70), โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.64)
สำรองที่ไม่ได้ลงเล่น : ซิมง มินโญเล่ต์, เนธาเนี่ยล ไคลน์, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, แดนนี่ อิงส์
ผู้ตัดสิน : นีล สวอร์บริค
ที่มา : Siamsport