ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก)
วันพุธที่ 4 เมษายน 2561
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) – แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ)
Liverpool (England) – Manchester City (England)
ถ่ายทอดสด : PPTV HD และ beIN SPORTS 1, เวลา : 01.45 น.
สนาม : แอนฟิลด์
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมผ่านด่านปอร์โต้มาได้แบบสบายๆ ในรอบที่แล้ว
ด้านความพร้อมของเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อดัม ลัลลาน่า มิดฟิลด์ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่ามาจากเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่บุกไปเฉือนชนะคริสตัล พาเลซ 2-1
เช่นเดียวกับ โจ โกเมซ กองหลังดาวรุ่งที่ได้รับบาดเจ็บข้อเท้ามาจากการลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ รวมทั้ง โฌแอล มาติป เซนเตอร์ฮาล์ฟที่เจ็บต้นขา ต้องเข้ารับการผ่าตัด และยังต้องรอเช็กฟิต เอ็มเร่ ชาน มิดฟิลด์ที่มีปัญหาบาดเจ็บที่หลังอยู่ด้วย
ในรายของ เดยัน ลอฟเรน กองหลังโครแอตที่เป็นตัวสำรองในเกมล่าสุด หลังหายจากอาการบาดเจ็บ น่าจะได้ลงเป็นตัวจริงในเกมนี้
“เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯ ซิตี้ พาทีมปราบ เอฟซี บาเซิ่ลมาได้ แบบสบายๆ เช่นกัน
ในรอบที่แล้ว สภาพทีมนี้ เป๊ปยังต้องรอทดสอบความฟิตของพวกที่เดี้ยงอยู่ก่อนทั้ง ฟาเบียง เดลฟ์ (ไม่สมบูรณ์) และ เบนฌาแม็ง เมนดี้ (เข่า) ส่วน จอห์น สโตน ที่พลาดเกมลีกล่าสุด ที่บุกไปปราบเอฟเวอร์ตัน 3-1 เนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือน จะกลับมาลงช่วยทีมในเกมนี้ได้
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เป๊ป ออกมายืนยันแล้ว เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ที่มีอาการบาดเจ็บเข่าจะไม่มีชื่อร่วมทีมนัดนี้
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง
ลิเวอร์พูล : ลอริส คาริอุส, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยัน ลอฟเรน, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ เฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส,ไคล์ วอล์คเกอร์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์, เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส, ลีรอย ซาเน่
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– ถือเป็นการเจอกันครั้งแรกของทั้งสองทีมในถ้วยยุโรป แต่ถ้าเป็นในเกมที่อังกฤษเจอกัน 178 หนแล้ว ลิเวอร์พูล ชนะ 87, เสมอ 46, แพ้ 45
– นี่เป็นครั้งที่ 17 ที่ทั้งสองทีมจากอังกฤษมาเจอกันในถ้วยยุโรป
– ลิเวอร์พูล ชนะ 9 จาก 13 หนก่อนหน้านี้ที่เตะในศึกยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่หนล่าสุดเจอกับทีมเชลซี ปี 2009 แพ้ด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-7 แต่ตอนปี 2008 เคยเจอกับทีมจากอังกฤษอย่างอาร์เซน่อล พวกเขาชนะด้วยสกอร์รวม 5-3
– ลิเวอร์พูลเคยเล่นรอบน็อกเอาต์ 2 นัดเจอกับทีมจากอังกฤษ โดยมีสถิติชนะ 5, แพ้ 3 ซึ่งหนล่าสุดคือชนะปีศาจแดงในยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีม ปี 2015/16 ในสกอร์รวม 2 นัด 3-1
– ในยูโรเปี้ยน คัพ หงส์เคยเจอกับทีมจากอังกฤษ 6 ครั้ง เริ่มที่ฟอเรสต์ 1 ครั้ง, เชลซี 4 ครั้ง และ อาร์เซน่อล 1 ครั้ง
– สถิติเจอกับทีมจากอังกฤษในยุโรปคือ ชนะ 5, เสมอ 8, แพ้ 5 ส่วนถ้าเล่นในบ้านคือ ชนะ 5, เสมอ 3, แพ้ 1 ซึ่งก็คือแพ้ต่อเชลซี ปี 2009
– ลิเวอร์พูลไม่แพ้ใน 14 เกมหลังสุดที่บ้านศึกยูโรเปี้ยน โดยเป็นการชนะ 9, เสมอ 5 นับแต่แพ้เรอัล มาดริด เมื่อ 22 ตุลาคม 2014 และที่สำคัญก่อนเสมอกับเซบีย่า ที่แอนฟิลด์ ก่อนหน้านั้น 6 เกมยุโรปที่บ้านพวกเขาชนะรวด
– ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่ถือเป็นเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งที่สองของพวกเขา
– ในอดีตเรือใบเคยเจอกับทีมจากอังกฤษหนึ่งครั้งเป็นศึกคัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1971 รอบรองชนะเลิศ ซิตี้แพ้เชลซีทั้งสองเกม 0-1
– 5 เกมแรกถ้วยนี้ ซิตี้ชนะรวด ก่อนมาแพ้ชัคตาร์ โดเนตส์ค 1-2 เพราะตัวเองเข้ารอบไปแล้ว ซึ่งในเกมเยือนรอบแรก พวกเขาชนะเฟเยนูร์ด 4-0 และ ชนะนาโปลี 4-2 ส่วนรอบ 16 ทีม ก็ชนะบาเซิ่ล 4-0
– ซิตี้ตอนนี้ชนะแค่ 4 จาก 11 เกมหลังยูโรเปี้ยน (เสมอ 3, แพ้ 4)
– ช่วงที่อยู่เยอรมัน เป๊ป กับ คล็อปป์ เจอกันบ่อยในระหว่างปี 2013-15 โดยเป๊ปชนะ 4 ส่วนคล็อปป์ชนะ 3 หนในทุกรายการ
– ลิเวอร์พูลไม่แพ้ 17 เกมเหย้าเมื่อเจอกับเรือใบนับทุกรายการ
– หงส์แดงไม่แพ้ใน 12 เกมหลังสุดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
– หงส์แดงไม่เสียประตู 5 จาก 6 เกมหลังสุดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ลูก ใน 5 จาก 6 เกมหลังสุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของซิตี้
– ส่วนการทำทีมในอังกฤษ ลิเวอร์พูลของคล็อปป์ชนะเกมเหย้าทั้งสองหนที่เจอกับซิตี้ และเสมอ 1 กับ แพ้ 1 ตอนไปเยือน
– โม ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 29 ลูก ในพรีเมียร์ และ 37 ลูก ทุกรายการ โดยเขา ยิง 16 เม็ด จาก 14 เกมหลังให้หงส์แดง
– ฟอร์มของหงส์ตอนนี้ชนะแค่ 7 จาก 12 เกม โดยแพ้ 3 ส่วนซิตี้ยิงไป 58 ลูก จากเกมเยือน เสียแค่ 20 เม็ด
ที่มา : Siamsport